ซีรีส์เรื่องเด่นดัง

ซีรีส์เรื่องเด่นดัง มานำเสนออีกครั้ง ตามแนบเรื่องที่ไม่ทำธรรมดา

ซีรีส์เรื่องเด่นดัง การมาถึงของ “เด็กใหม่ 2” รวมทั้งแนวทางเล่าแบบใหม่ 

ซีรีส์เรื่องเด่นดัง การกลับมาของ แนนโน๊ะ ( คิทตี้ – ชิชา อมาตยกุล ) ในคราวนี้น่าจะเป็นเหตุผล ที่เด่นชัดในสุดยอดว่า “ ซีรีส์ไทย ” ที่มีคอนเทนท์ถูกใจผู้ชม ทั้งเนื้อหารายละเอียด อันเป็นสากล ทำให้งานนี้ไปไกล และก็เข้าถึงคนนานาประการประเทศ ทั่วทุกมุมโลก  ข่าวหนังใหม่

ซีรีส์เรื่องเด่นดัง

ยังไม่รวมทั้งรางวัล โดยมีหลักเกณฑ์การให้รางวัล ในด้านมุมความสร้างสรรค์ของงาน นอกจากไปจากนี้การที่ “ เด็กใหม่ ” ได้ฉายลงทาง เน็ตฟลิกซ์ ยิ่งเป็นหนทางที่ ผู้ชมจากต่างแดน ได้โอกาสที่กำลังจะได้มองเห็น ซีรีส์เยอะขึ้นอีกด้วย

ย้อนกลับไปดู  “ ลักษณะ ” ของ “ เด็กใหม่ ” ในฤดูกาลแรก ส่วนประกอบของซีรีส์นั้น ถูกวางแบบให้แบบเรื่องราวแบบ เรื่องราวที่จบในตอน โดยมีตัวละครแนนโน๊ะ บางครั้งก็อาจจะเป็นแค่เพียง “ เครื่องหมาย ” หรือ “ ตัวประหลาด ” บางสิ่งบางอย่างที่นำพาผู้ชม ไปดูแล้วก็เฝ้าดูการเปลี่ยน ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละตอน ซึ่งความหลากหลายของ เรื่องราวที่ถูกแต่ง โดยผู้กำกับมากมาย

ก็เลยทำให้แผนภูมิของซีรีส์มีความ ขึ้นลงสุดแท้แต่กรรมวิธีการ มุมมอง รวมถึงชั่วโมงที่จะบินสำหรับการดำเนินการ ที่ทำให้มองเห็นอย่างแจ่มแจ้งถึงความไม่เหมือนในเชิงของประสิทธิภาพอีกเช่นเดียวกัน แม้กระนั้นเหนือสิ่งอื่นใดซึ่งมันให้โอกาสให้ผู้กำกับคนใหม่คนจำนวนไม่น้อยได้  “ โชว์ของ ” ในตัวด้วย

แม้กระนั้นภาพสรุปองค์รวม ในฤดูกาลแรกของนักแสดงแนนโน๊ะ ผู้ชมก็เพียงพอจะแปลความเองได้ว่า คุณไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แม้กระนั้นเป็นตัวละคร ที่มีพลังอำนาจอะไรบางอย่าง สำหรับในการดึงเอาด้านมืดของคนเราแต่ละคนออกมา รวมทั้งที่สำคัญเป็นคุณฆ่าไม่ตายรวมทั้งพร้อมจะช่วยชีวิตตนเองกลับมาได้อยู่เป็นประจำ

หากแม้พวกเราจะได้มองเห็นในด้านดาร์คๆ คลุ้มคลั่งของนักแสดงนี้ แต่ว่าตอนหนึ่งในฤดูกาลแรก ที่เปิดเผยให้พวกเรามองเห็นมุมที่ผิดแผกแตกต่างออกไปก็ ที่ทำให้พวกเรามีความเห็นว่าแนนโน๊ะเองก็มีความรู้สึก “ รัก ” ใครซักคนขึ้นมา ได้อยู่เช่นเดียวกัน แล้วก็ทำให้พวกเรา มีความคิดว่านักแสดงนี้ก็มี เลือดเนื้อราวกับมนุษย์บ้าง

การกลับมาของแนนโน๊ะในฤดูกาลที่ 2 นี้นักแสดงก็เลยถูกตรวจสอบ ในมิติที่ลึกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโยนผู้แสดงใหม่อย่าง “ ยูริ ” ( ชัญญา แม็คคลอปรี่ย์ ) เข้ามาเพื่อซวดเซความนึกคิด รวมถึงเสนอคำถามถึงแนวทาง

การที่แนนโน๊ะจัดแจงกับเหยื่อแต่ละคน ว่าการใช้ขั้นตอน การแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน หรือการให้เหยื่อเลือกจะหาทางออก ให้กับชีวิตที่วิบากกรรมของตนเอง ได้ทำไปนั้นจะจบลงที่ที่ไหนดี

โชคร้ายที่ 3 ตอนต้นของฤดูกาล 2 กล่าวถึงใจความสำคัญสังคมเช่น ท้องในวัยศึกษาคนไหนกันแน่จะต้องเป็นผู้รับไม่ถูกถูกใจ รักต่างเพศในวัยเสาะหาวิชาความรู้ และก็การลบล้างข้อผิดพลาดของคนร่ำรวยนั้น ล้วนแต่เป็นแก่นของเรื่องที่น่าดึงดูด

แม้กระนั้นเมื่อขุดลึกเข้าไปถึงตัวบทและก็กรรมวิธีพรีเซ็นท์แล้ว อุดมไปด้วยความน่าผิดหวังแล้วก็ความตื้นสำหรับในการดูเชิงองค์ประกอบ ทั้งยังยังผลักไส “การมีอยู่” ของผู้แสดงแนนโน๊ะออกมาเป็นแค่เพียงคนเฝ้าดูลักษณะเดียวกันกับผู้ชม จนถึงตัวละครที่เป็นตัวละครเอกนี้ไม่มีสิ่งที่มีความต้องการไปเลย

แผนภูมิที่ดูเหมือนจะเชิญชวน ให้ผู้ชมเลิกมองซีรีส์ก็เริ่มดีขึ้นขึ้นในช่วงเวลาที่ 4 เมื่อ ผู้ชมจะได้ทราบ จะกับยูริมากขึ้น ว่าคุณเป็นผู้ใด มาจากไหนรวมทั้งเพราะอะไรเด็กผู้หญิงโบว์แดงถึงต้องตามติดแนนโน๊ะเช่นเดียวกันกับเป็นกุมารทอง

โดยธีมหลักของช่วงนี้ก็ยังเป็นราวกับการถือเรื่องการจัดการกับปัญหาของคนมั่งคั่งด้วยการใช้ “ เงินโปรยทาน ” เพื่อไขปัญหาจากไม่ถูกให้เป็นถูกใจได้เช่นเดียวกันกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ซีรีส์เรื่องเด่นดัง

แต่ว่าในระหว่างที่ไม่เอ่ยถึง มิได้เลยเป็นในเวลาที่ 6 อย่าง

ซึ่งถือเอาหัวข้อด้านการเมืองของ “ บางประเทศ ” มาเล่าผ่านข้อความสำคัญที่เกิดขึ้น ในสถานที่เรียนด้วยสไตล์รวมทั้งแนวทางด้านภาพ โดยใส่ผสานรับกับสิ่งในเวลานี้ กำลังจะกล่าว ไม่ว่าจะคือการใช้ “ สี ” เพื่อเน้น “ เครื่องหมาย ” อันทำให้เกิดการแกะรอย ว่านักแสดงแต่ละตัวเป็นภาพแทน ของคนไหนกันในโลกที่ข้อเท็จจริง

ทั้งยังวิบรรยายว่า ในที่สุดแล้วเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลาย และก็เด็กนักเรียนได้ถูกปล่อยจากกักขัง ที่เรียกว่ากฎของสถานที่เรียนแล้ว โลกข้างนอกนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเจอหน้ากับอะไร ที่คอยพวกเขาอยู่กันแน่ เป็นความฝันที่พวกเขาอยากได้หรือจริงๆ เป็นความไม่มีตัวตนที่ไม่ได้ต่างอะไร อะไรจากเดิมเลยก็ได้

โชคร้ายตรง ในขณะแผนภูมิของฤดูกาลนี้ กำลังพุ่งขึ้นรวมทั้งน่าดึงดูดโดยตลอด ก็เหลือเพียงแค่เพียงแต่อีก 2 ตอนเพียงแค่นั้น จะให้โอกาสให้ผู้ชม ได้มองเห็นมุมมองความเป็นคนของแนนโน๊ะ รวมทั้งวิธีการทำความรู้ความเข้าใจการมีอยู่ของผู้แสดงอย่างยูริ อันเป็นแผลที่ค่อนข้างจะใหญ่ เป็นความเกี่ยวเนื่องทางอารมณ์ของผู้แสดงนี้

กระทั่งพวกเราบางครั้ง ก็อาจจะจำต้องอนุมานเองว่าบางโอกาส นักแสดงนี้บางที อาจจะอยู่ในตอน “ ฝึกฝนการทำงาน ” และก็ทำความเข้าใจความเถื่อน ของผู้คนอยู่ก็เป็นไปได้คุณก็เลยจำต้อง แสดงกริยาออกมาแบบนั้น

กระบวนการตกลงใจของยูริ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าเสนอมาเอ่ยถึง ผู้แสดงนี้ชอบคลี่คลายทางออกของเหยื่อ ด้วยด้วยการมอบความตายทางด้านกายภาพ ให้กับบุคคลพวกนั้นด้วยความหนำใจ ซึ่งไม่เหมือนกันกับตัวแนนโน๊ะ ที่เลือกจะมอบบทเรียนด้วยความเจ็บทางจิต

กระทั่งบางทีความตาย ก็บางครั้งก็อาจจะเป็นทางออกที่ดี ยิ่งกว่าด้วยไป สองแนวทางการบางครั้ง ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่คล้ายกันก็จริง แต่ว่ากรรมวิธีการอย่างข้างหลังเป็นโอกาส เวลาที่ยูริเลือกจะมอบคำพิพากษาคราวสุดท้าย อันซึ่งก็คือความตายให้กับเหยื่อไปเลยเหมือนกับว่า

คุณเก็บเอาความเจ็บปวดรวดร้าว ในขณะยังมีชีวิตอยู่แล้วก็เอาคืนทุกคน ที่คุณสามารถลงมือพิพากษ์คนอื่นๆได้ ( เมื่ออำนาจอยู่ในมือ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็สมปรารถนา )

มุมมองความนึกคิดที่เติบโตขึ้น ของผู้แสดงแนนโน๊ะในฤดูกาลที่ 2 ก็เลยเป็นสิ่งที่นำพาผู้ชมให้สตรีมมิ่ง จนกระทั่งจบฤดูกาลได้อย่างน่าฉงน ทั้งๆที่แผนภูมิและก็ความลุ่มลึกของบทนั้น แทบเปรียบเทียบไม่ใกล้กับฤดูกาลแรก  การกลับมาอีกครั้ง

กระทั่งพวกเราต้องการ จะแอบกระซิบบอกยูริว่า “ ถ้าเกิดฤดูกาลหน้าคุณกลับมา อย่าลืมกลายเป็นผลึกหลักสำคัญทางด้านสังคม ที่เผ็ดร้อนให้มากยิ่งกว่าฤดูกาลแรก รวมทั้งแสดงจุดยืนของตนเองให้ชัดกว่านี้ รู้เรื่องดื้อรั้นมากมาย แต่ว่ายูริจำต้องปะทะกับมุมมองความนึกคิดจากทางฝั่งแนนโน๊ะให้ได้ มิเช่นนั้นคุณก็จะเป็นเพียงแค่ เด็กมีพลังอำนาจที่ไล่ฆ่าคน อย่างคุ้มคลั่งสิ่งเดียวนะ ”