นางงามไร้มงกุฎ

นางงามไร้มงกุฎ ฟ้าใสปวีณสุดาเผยครั้งแรกเจอมรสุมหนักจนเคยเป็นโรคซึมเศร้า

นางงามไร้มงกุฎ หญิงสาวลูกผสมไทยจีนแคนาเดียนเชื้อสายฝรั่งเศสจบปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

นางงามไร้มงกุฎ

นางงามไร้มงกุฎ ผ่านเวที ประกวดประชัน ความงามมา หลายเวที แต่ไม่ เคยได้สัมผัส น้ำหนักมงกุฎ บนศีรษะเลยสัก ครั้ง มีแต่ เกือบจะคว้าไว้ ได้แต่กลับไปไม่ถึง

แต่เธอก็ไม่ละทิ้ง ความพยายาม ยังคงฝึกฝน ตัวเองเพื่อเดิน ไปให้ถึง เป้าหมาย และ ในที่สุดความฝัน ของเธอก็เป็น จริง ฟังดูเหมือน แฮปปี้เอนดิ้ง แต่ฟ้าใสได้มาเปิด ใจในรายการ “ต้มยำอมรินทร์” ผลิตโดย CHANGE2561 ว่าตัวเองลักกี้อิน แต่เกม ส่วนเลิฟ นั้นชีวิตนี้ยังไม่ เคยมีความรัก เพราะเจอกฎ เหล็กของคุณแม่ พร้อมเผยเคย ผ่านมรสุมโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว

กับการประกวด เวทีมิสยูนิเวิร์ส ความประทับใจ ของเราที่เข้าไป ถึง Top5 ของ โลก มี อะไรบ้าง?
ฟ้าใส ปวีณสุดา : ความประทับใจของ เราที่เข้าไปถึง Top5 ของโลกมี หลากหลาย อย่างมากๆ เลย ค่ะ ที่ประทับใจ แล้วความฝัน ของฟ้าใส
คือการเป็น ตัวแทนของ ประเทศไทยไปประกวด มิสยู นิเวิร์ส แล้วคือ การประกวด ตั้งแต่ที่ไทยแล้ว มันเกินคาดด้วย แรงซัพพอร์ต แล้วก็
เสียงเชียร์ เราไม่คาดคิดว่า จะมีมากขนาดนี้ มาก่อนจะเป็น ความทรงจำที่ จะอยู่กับฟ้าใส ไปตลอดเลยค่ะ ข่าวหนังใหม่

แต่กว่าที่จะเข้า ไปถึงระดับโลก จนติด Top5 ได้ ฟ้าใสเคย ผิดหวังมานับ ครั้งไม่ถ้วนเลยจริงหรือไม่?
ฟ้าใสปวีณสุดา : จริงค่ะ เวลาที่ เราประกวดมา หลายเวทีมากๆ ก็ได้ตำแหน่งรอง มาตลอด หลาย คนก็เลยตั้ง ฉายาให้เราว่า เป็นนางรอง
ของทุกเวลา แต่เราก็ มีความรู้สึกนะ คะ ว่าทุกเวทีเรา ก็ทำอะไรที่ ถูกต้องหมด แต่ ก็ยังไม่ได้ ตำแหน่งสักที พอนานๆ เข้าทำ ให้เราก็เอา
ความสำเร็จจาก ทุกๆ เวทีมาดู และมองย้อนว่า ในเมื่อเราทำสุด ทุกเวทีแล้วก็ยัง ไม่ได้ นางงามไร้มงกุฎ

 

คนที่จะมาเป็นแฟนเรา ต้องเรียนเก่งกว่าเรา อายุมากกว่าเรา และเรียนในสายหมอเท่านั้น

 

แต่ถ้าเรายังทำเหมือนเดิมแบบทุกเวทีที่ผ่านมา

นางงามไร้มงกุฎ

ก็แปลว่าเราก็ไม่ กล้าที่จะทำหรือ ลองอะไรใหม่ๆ แล้วมันก็เลยทำ ให้เรารู้สึกแบบ ไม่ดีพอทำให้เรา ท้อ เราตั้งใจ อะไรไปก็เสีย เปล่า เพราะว่า ยังไงมันก็ไม่ ประสบความสำเร็จอยู่ แล้ว ตอนที่คิด แบบนั้นคือ ก่อนที่จะ ประกวดในปี 2019 เราก็เลย กลับมานั่งถาม ตัวเองว่าเรา อยากจะทำต่อ ไหม แล้วมีอะไร ในชีวิตเราที่มัน มากกว่า นางงามไหม แต่ ในใจก็ยังมีเสียง เล็กๆ ที่บอกเรา ว่า อยากจะลอง อีกสักครั้ง เพราะเรารู้แล้ว ว่าเราผิดพลาด อะไร แล้วเรา สามารถอุดช่อง โหว่ได้

ซึ่งในปี 2017 สิ่งที่เราคิดว่าเรา ผิดพลาดหลายๆ คนก็จะสังเกตได้ ตั้งแต่เรื่องการ เดิน แล้วปีนั้นคือหนูเจอพี่มารีญา ตอนนั้นที่ เรามาประกวด คือเรารู้สึกว่าเรา ภาษาก็ได้ ความ สูงก็ได้ หน้าก็เก๋ ซึ่งเราก็รู้สึกว่า โปรไฟล์เราก็ดี น่าจะเหมาะกับ บริบทของ นางงาม แต่พอ เรามาเจอพี่มา รีญา เขาเด่น กว่าเราทุกด้าน ไม่ว่าจะความสูง ในด้านของ วงการ ด้าน การศึกษา เขา เด่นกว่าเราหมดเลย ทำให้เรา รู้สึกเฟลว่าข้อดี ของเราคืออะไร

เพราะตอนนั้น มันยังไม่ใช่เวลา ของเรามากกว่า พอเป็นเวลาของ เราก็เป็นของเรา และที่สำคัญ ในช่วงปีที่ผ่าน มาฟ้าใสเจอ มรสุมดราม่า
หนักมากจน เหมือนจะเป็น โรคซึมเศร้าเลย ใช่ไหม?
ฟ้าใสปวีณสุดา : ใช่ค่ะ อันนี้จริง ค่ะ เป็นตั้งแต่ที่ กลับมาจากมิสยู นิเวิร์สแล้วค่ะ ตอนแรกเรานึก ว่าเรารู้สึก เหนื่อย ก็เลยคิด ว่าพักสักเดือนก็
น่าจะโอเค แต่ กลายเป็นว่าพอ พักไปแล้วก็ยัง ไม่ดีขึ้น อาการก็ เหมือนว่าเราไม่ อยากทำอะไร เราไม่อยากคุย กับใคร ไม่อยาก ไปไหน
อยากจะ นอนอยู่กับบ้าน เฉยๆ ไม่ไปไหน ทั้งนั้น พอมาด ราม่าเราก็หนัก เข้าไปอีก ไม่เคยรักใครเท่านี้

ช่วงนั้นเรามีใคร เป็นที่ปรึกษา เรื่องนี้ว่าเราควร จะทำยังไงดี?
ฟ้าใสปวีณสุดา : จริงๆ ตอนแรก ที่เรายังไม่รู้ว่า เราเป็น เราก็เรา ก็ไม่รู้จะพูดกับ ใคร นอกเหนือ กับเพื่อนที่สนิท มากๆ หรือพ่อ กับแม่แล้วเวลา ที่คนอื่นเขา ได้รับฟังมุมมอง ของเรา ทำให้ เรารู้สึกโล่งมาที ละนิดๆ ค่ะ

ฟ้าใสพูดถึงคุณ แม่ ซึ่งน่าจะเป็น คนที่ใกล้ชิดเรา มากที่สุด เราถูก เลี้ยงมาค่อนข้าง ไปทางฝรั่งหรือ ไทยมากกว่า?
ฟ้าใสปวีณ สุดา : เพราะคุณพ่อทำงานอยู่ต่างประเทศ เรา ก็จะอยู่กับคุณ แม่มากกว่า คุณ แม่ก็จะเลี้ยงเรา แบบไทยๆ ก็จะ มีกฎระเบียบ วินัยค่อนข้างสูง ถ้าเกิดเราทำผิด ท่านก็จะดุ ส่วน กฎเหล็กก็จะมี หลายอย่าง มากๆ ตอนเด็ก ที่เราจำได้คือ ห้ามมีแฟน จนกว่าเราจะเข้า มหาวิทยาลัย เราก็ทำได้นะคะ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ มีแฟนนะคะ เพราะกฎเหล็ก ของแม่ยังมีต่อ คือคนที่จะมา เป็นแฟนเราต้อง เรียนเก่งกว่า เราอายุมากกว่า เราและเรียนในสาย หมอเท่านั้น