ปีศาจตลอดเวลา

ชั่วโมงปีศาจ: The Devil All the Time โดย ก้อง ฤทธิ์ดี

ความชั่วร้ายและความรุนแรง เป็นดังเลือดที่หลั่งเพื่อประกอบสร้างสังคมอเมริกันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน – นี่น่าจะเป็นเนื้อหาที่ The Devil All the Time หนังใหม่ใน Netflix ต้องการวาดภาพให้เราเห็น

ประเด็นโปรโมทของหนังที่ผ่านๆ มา คือโรเบิร์ต แพททินสัน อดีตแวมไพร์และว่าที่ Batman ที่รับบทนักเทศน์ตัวร้ายในหนัง เคี้ยวคำพูดราวกับเคี้ยวเนื้อคน สำเนียงภาษาแปร่งปร่า ทั้งขัดหูและเชิญชวน แถมทั้งหน้าตาหล่อเหลา ยียวน และอบอวลด้วยรัศมีของความบ้าคลั่ง เอาเป็นว่า ถ้าจะดูหนังเรื่องนี้เพียงเพราะอยากดูแพททินสัน (หลังจากดูมาแล้วล่าสุดใน Tenet) ก็นับว่าฟังขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้แพททินสันกลายเป็นดาราสายดาร์ค สายหลอน สายปีศาจ (หรือกึ่งปีศาจ อย่างใน The Lighthouse ที่เข้าไปเมื่อปีกลาย) ที่น่าหลงใหลที่สุดในฮอลลีวูด ซึ่งไม่น่าเชื่อเหมือนกัน เพราะตอนแกเล่น Twilight นั่นผู้เขียนแทบทนดูไม่ได้เกิน 15 นาที

ใน The Devil All the Time แพททินสันไม่ได้รับบทเด่นที่สุดด้วยซ้ำ กว่าจะออกมาในจอก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง (หนังยาวสองชั่วโมงกว่า) หนังเล่าเรื่องช่วงกลางศตวรรษที่แล้วในอเมริกา หรือหลังสงครามโลกครั้งที่สองต่อเนื่องมาจนก่อนสงครามเวียดนาม – สองสงครามที่นิยามความเป็นอเมริกันในศตวรรษที่ 20 – เหตุการณ์เกิดขึ้นดินแดนชนบทที่ผู้คนต้องต่อสู้ทำมาหากิน โดยมีศาสนา โบสถ์ และนักเทศน์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ (ลองเปรียบเทียบเรื่องนี้กับ There Will Be Blood ที่พูดถึงศาสนา น้ำมัน และความโลภ ในฐานะปัจจัยที่หล่อหลอมประเทศสหรัฐอเมริกา)

ตัวละครในหนังผ่านพ้นตัวละครสองรุ่น รุ่นพ่อคือวิลลาร์ด (บิล สคาสการ์ด) อดีตทหารอเมริกันในสงครามโลกที่กลับบ้านในชนบทด้วยจิตใจอันปรักหักพัง หลังจากต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายแสนสาหัสในสงคราม วิลลาร์ดแต่งงาน มีลูกชายชื่ออาร์วิน (เมื่อโตขึ้นแสดงโดยทอม ฮอลแลนด์) สร้างครอบครัวที่ดูเหมือนจะมีความสุขดีตามวิถีอเมริกัน และเริ่มหันหน้าหน้าเข้าหาพระเจ้า แต่ด้วยบาดแผลทางจิตใจที่ย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ วิลลาร์ดเกิดอาการ “หลุด” และกระทำการอันโหดร้ายไม่ต่างจากที่เขาเคยเห็นปีศาจตนอื่นทำเคยทำ ส่งผลให้ลูกชาย อาร์วิน ต้องระเห็จไปอาศัยกับย่า และเติบโตมาพร้อมกับเด็กสาวกำพร้าอีกคนชื่อ เลโนรา ที่ย่าของเธอรับมาเลี้ยง

ครึ่งเรื่องหลังเป็นเรื่องของอาร์วิน เลโนรา และบาทหลวงเพรสตัน (โรเบิร์ต แพททินสัน) นักเทศน์หนุ่มปากกล้าที่เข้ามาสั่นสะเทือนชุมชนในชนบทแห่งนี้ นอกจากนี้ หนังยังมีพลอตรองอันว่าด้วยคู่สามีภรรยาที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง (แสดงโดยเจสัน คลาร์ค และไรลี คีโอ) ออกตระเวนตามทางหลวงชนบทเพื่อล่อลวงคนโบกรถหนุ่มสาว ไปกระทำอนาจาร ถ่ายรูปอุจาด และฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม

ถ้าจะให้สรุปก็คือคือ โลกที่อาร์วินต้องเติบโตขึ้นมา และโลกอันมีภาพแทนด้วยประเทศอเมริกาในช่วงเวลานั้น เป็นโลกของปีศาจ ที่แฝงตัวมาทั้งในคราบนักบุญและในคราบคนธรรมดา ซุกซ่อนความวิปริตผิดมนุษย์ภายใต้ฉากหน้าของความเคร่งครัดและความสงบสันติ ความรุนแรงและเลือดจากการฆ่าฟัน ชโลมผืนดินของอเมริกา และหล่อเลี้ยงให้เกิดความรุนแรงต่อๆ ไปอีกไม่มีวันจบสิ้น

The Devill All the Time เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยสไตล์หนังชีวิต ผสมด้วยความระทึกขวัญ ถึงขึ้นสยดสยองในบางขณะ ถ้าใช้คำแบบงานวิจารณ์วรรณกรรมก็อาจจะเรียกว่านี่เป็น Southern Gothic หรืองานที่ใช้ฉากทางใต้ หรือกลางประเทศของอเมริกาเพื่อเล่าเรื่องอันหม่นหมอง ต้นแบบของ Southern Gothic คือนักเขียนอย่าง วิลเลียม ฟอล์คเนอร์ หรือแฟลนเนอรี่ โอคอนเนอร์ ซึงลองไปหาอ่านกันได้

ใน The Devil All the Time ผู้กำกับอันโตนิโอ คัมโปส อาจจะคร่ำเคร่งกับการสร้างบรรยากาศไปสักนิด ทำให้หนัง “สวย” ไปสักหน่อย และพาเราดำดิ่งไปกับตัวละครจนเราเหน็ดเหนื่อย หนังเริ่มมาสนุกช่วงครึ่งหลังที่ได้ทอม ฮอลแลนด์ ในบทอาร์วินตอนหนุ่ม และโรเบิร์ต แพททินสัน ในบทบาทหลวงโรคจิต มาสร้างสีสันและความเข้มข้นทางอารมณ์ The Devil All the Time เป็นหนังที่เล่าเหตุการณ์ในอดีต แต่ชัดเจนว่าผู้กำกับอยากให้เราเห็นความต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ในโลกที่ปีศาจยังคงวนเวียนไม่ไปผุดเกิด และในยามที่อเมริกาเอง ยังคงถูกหลอกหลอนด้วยความโหดร้าย ความรุนแรง ราวกับคำสาปที่ประเทศไม่มีวันปัดเป่าได้พ้น