แฟรนไชส์หนังซอมบี้

แฟรนไชส์หนังซอมบี้ “#อะไลฟ์คนเป็นฝ่านรกซอมบี้” ท่ามกลางฝูงซอมบี้..หรือนี่จะเป็นรักแห่งปี?

แฟรนไชส์หนังซอมบี้ ในขณะที่วงการหนังเกาหลี กำลังขยายกรอบความท้าทาย ด้วยการสร้างจักรวาลหนัง เป็นของตัวเอง

แฟรนไชส์หนังซอมบี้ ให้แข็งแรงทนทานขึ้นเรื่อยพวกเราบางครั้งอาจจะได้มองเห็นแฟรนไชส์หนังซอมบี้ ของผู้กำกับยอนซังโฮ ตลอดอีกหลายเรื่องต่อจากนี้ แต่ว่าในขณะนี้ พวกเราก็ได้ศึกษาค้นพบว่า กระแสที่นิยมในหนังแนวนี้ สามารถแตกหน่อออกไปได้อีก อย่างไม่สิ้นสุด อย่างกับ “#อะไลฟ์คนเป็นฝ่าเมืองนรกซอมบี้” ที่เป็นหนังหนีตายฝูงซอมบี้ เรื่องปัจจุบัน

จากประเทศเกาหลี ได้ตอบปัญหาผู้ชม ได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้หนังจะเต็มไปด้วย สูตรสำเร็จเดิมๆที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เท่าไรเลยก็ตาม #อะไลฟ์คนเป็นฝ่าเมืองนรกซอมบี้ แปลงเป็นหนังประเทศเกาหลี เรื่องแรกภายหลังจากวัววิด-19 ระบาดซึ่งสามารถ สร้างสถิติรายได้ แล้วก็เรียกความมั่นใจและความเชื่อมั่น ให้คนกลับเข้าโรงภาพยนต์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ ข่าวหนังใหม่

นี่บางครั้งอาจจะเห็นว่า เป็นหนังแอคชั่นซอมบี้ สไตล์อินดี้หน่อยๆก็ว่าได้ ที่อินดี้อาจเป็นเนื่องจาก สเกลของหนัง มิได้ยิ่งใหญ่ยอดเยี่ยม ดังหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ทั่วๆไป ก็แค่เป็นการเจาะลึก เล่าแค่เพียงสถานที่ที่เดียว พร้อมทั้งนักแสดง ที่ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างมิติ ทางความสัมพันธ์ กับนักแสดงอื่นๆมากมายสักเท่าไหร่ หนังเล่าราวของ การแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสปัญหา

ที่เกิดขึ้นในกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ โดยเหตุการณ์คราวนี้ เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว รวมทั้งเร็วทันใจมากมาย ทำให้ จุนอู ผู้ชายเกมเมอร์ จำต้องติดแหง็กอยู่ในห้อง ไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ กับไม่มีการติดต่อ จากโลกด้านนอกทุกๆอย่าง ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แล้วก็กระแสไฟฟ้าก็ดับตามมา ก่อนที่จะเขาจะพบว่า

ไม่ใช่เพียงแค่เขาผู้เดียว ที่ติดอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ ด้วยเหตุว่ายังมี ยูบิน สาวบ้านพักอยู่อาคารฝั่งตรงข้ามกับห้องเขา ก็ร่วมชะตาชีวิตเดียวกัน เพราะเหตุว่าถ้าเกิดออกมาจากห้องไป ก็พอๆกับฆ่าตนเองชัดๆ

แฟรนไชส์หนังซอมบี้

แฟรนไชส์หนังซอมบี้ การเปิดตัวของหนัง ค่อนข้างฉุกละหุก พัลวันเลยก็ว่าได้

เนื่องจากว่าแค่เพียงเริ่มเปิด ฉากมาได้ยังถึง 3 นาที ก็รีบเร่งเข้าเรื่องในทันทีทันใด ถึงแม้หนังจะมาสไตล์มิได้เกริ่น ถึงที่มาที่ไปของปัจจัยต่างๆของเรื่องราวก็ตาม แม้กระนั้นก็นับว่ามิได้ขัดข้องชอบใจอะไร เนื่องจากเดินเรื่องอย่างงี้ ก็จัดว่าเหมาะสมแล้ว ทั้งยังยังได้พลังการแสดงของ “ยูอาอิน” ที่หามหนังทั้งยังเรื่อง เอาไว้ได้อย่างสบายๆแม้ว่าจะเป็นหนัง

ที่มิได้ดราม่าคะอะไร แต่ว่าเขาก็โชว์ประสิทธิภาพ ทางการแสดงออกมา ได้อย่างขนลุกยกชัน ตลอดช่วง 30 นาทีแรกของหนัง อย่างยิ่งจริงๆ หนังใช้ต้นแบบการเล่าเรื่อง เชิงจุดโฟกัสติดอยู่แรกเตอร์คนเดียวๆเป็นหลัก ด้วยเหตุว่าเหตุการณ์ ของเรื่องโดยรวม ก็อำนวยต่อบทแนวนี้ด้วย ทำให้ ยูอาอิน จะต้องเล่นรวมทั้งแสดงผู้เดียว อยู่แทบตลอดทั้งเรื่องเลย

คาแรกเตอร์ของเขา ก็เป็นหนุ่มวัยโจ๋ ที่บางครั้งก็อาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีเลิศนัก แต่ว่าครอบครัวก็รัก รวมทั้งเอ็นดูเขาตลอดมา แต่ว่าเมื่อวันนี้ จำเป็นต้องมาติดแหง็ก อยู่ภายในห้องตามลำพัง เขาก็ต้องหาวิถีทางรอดด้วยตัวเอง ยูอาอินถ่ายทำบทนี้ออกมา ได้อัศจรรย์ในลักษณะของเขา ฉากอารมณ์ทำเป็นถึง ฉากตลกขบขันปลดปล่อยมุกเสียดสีก็มีมาบ้าง

การแสดงของเขาเป็นเสน่ห์ และก็ส่วนที่ทำให้หนัง ค่อนข้างจะรื่นเริงก้าวหน้า มาถึงนักแสดงของ “พัคชินฮเย” สาวจากอาคารฝั่งตรงกันข้าม บางครั้งก็อาจจะเป็นค้างแรกเตอร์ ที่หนังยังมิได้จุดโฟกัส มากมายสักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าย้ำสำคัญๆมาอยู่ที่จุนอูมากกว่า ทำให้ในส่วนของยูบิน ยังมีเงื่อนหลายๆอย่างที่เสมือนแอบๆเก็บๆเอาไว้ให้ผู้ชม เขาเติบโตขึ้นมา

ได้ไปพินิจพิจารณาคุ้นเคย ว่าคุณผู้นี้เป็นคนยังไง แล้วเพราะอะไรถึงมาติดแหง็ก อยู่ภายในห้องผู้เดียวอย่างนี้ แต่ว่าพัคชินฮเย ก็มีเสน่ห์ล้นเหลือ อยู่ในหน้าจออย่างมาก หากว่าบทของคุณ จะมิได้เล่นซีนอารมณ์ หรือมีมิติอะไรมากสักเท่าไรนัก แม้กระนั้นก็ถ่ายออกมาได้อย่างมาก เท่าที่บทจะอำนวยแล้ว

เขาเติบโตขึ้นมา

นี่เป็นผลงานเรื่องแรกของ “โจอิลฮยอง” ที่รับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้เอง

จำต้องสารภาพว่าหนังบันเทิงใจรวมทั้งให้ความบันเทิงกับผู้ชมได้ค่อนข้างจะดี ถึงแม้ว่าโดยภาพรวมหนังเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จแทบทั้งหมด และไม่มีอะไรที่ดูแล้วรู้สึกแปลกใหม่อะไรเยอะแค่ไหนเลย แต่ละเหตุการณ์เสมือนยืมมาจากหนังเรื่องอื่นๆแม้กระนั้นพวกเอารวมใส่เอาไว้ร่วมกันแล้ว ก็จำต้องเห็นด้วยว่าออกมาได้พอดี เป็นไปตามขั้นตาม แม้ว่าจะ

บางช่วงที่แอบขัดใจหน่อยๆว่าจะเปลี่ยนเป็นแบบงี้เพราะเหตุไรกันนะ แต่ว่าหนึ่งในความรู้สึก ที่ได้ระหว่างดูหนังหัวข้อนี้ก็คือ กลิ่นของหนัง รักโรแมนติก ที่โชยออกมาเคล้า กับเหม็นคาวเลือด โมเมนต์รวมทั้งเคมีของผู้แสดง จุนอูกับยูบิน ค่อยข้างเปล่งรัศมี ท่ามกลางความระทึกใจ ที่จะต้องวิ่งหนีซอมบี้ ก็ยังได้ผ่อนคลายอารมณ์เบา ๆ

กับวิธีการทำวิชาความรู้จะกัน ของวัยรุ่นไม่รู้จักที่ จำเป็นต้องมาระรานพบเห็นกัน แบบเหตุการณ์บังคับ แอบเป็นฉากหวานๆจีบกันในหนังซอมบี้ แบบไม่ได้ตั้งใจไปเสียแบบงั้น นอกเหนือจากนั้นแล้ว ดูเหมือน #อะไลฟ์ก็บากบั่นใส่หัวข้อ ด้านสังคมบางสิ่ง เข้ามาเสียดสีได้เจ็บแสบ อยู่ในหนังเล็กน้อยด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใจความสำคัญโลก ในสังคมเครือข่ายสังคม

หรือใส่มุกเสียดสีสังคม เข้ามาเพียงพอทำให้ ได้หัวเราะตลกเบาๆนี่ก็เลยแปลงเป็นหนังซอมบี้ ที่มิได้ย้ำการนองเลือด ไล่ล่าเลือดกระฉูด แม้กระนั้นจุดโฟกัสที่มุมมอง การเอาตัวรอด ของผู้ที่ยังรอดตาย อยู่ท่ามกลางเหตุการณ์ อย่างนั้นมากยิ่งกว่า โดยรวมแล้ว #อะไลฟ์คนเป็นฝ่าเมืองนรกซอมบี้ แม้ว่าจะเป็นหนัง ที่มิได้รู้สึกเซอร์ไพรส์ อะไรเลย

เนื่องจากทุกๆสิ่งทุกๆอย่างล้วนอยู่ ในกรอบสูตรสำเร็จอยู่แล้ว แม้กระนั้นการได้ยูอาอินกับพัคชินฮเย มาแบกรับหนังหัวข้อนี้ เอาไว้ได้แบบชิลๆแปลงเป็นผลกำไร ของผู้ชมได้เลย พวกเขาเป็นดาราหนัง ที่เต็มไปด้วย ความเป็นมือโปร ทำให้ตลอดระยะเวลา ชั่วโมงครึ่งนิดๆของหนังนั้น ให้อรรถรส ที่สนุกสนานตื่นเต้นรวมทั้งอิน เข้าถึงเรื่องราวได้อย่างไม่ยากเย็นเลย