การปรับเปลี่ยน

การปรับเปลี่ยน โฉมแรก ไมเคิล บี จอร์แดน กับบทสายในหนังจักรวาล แจ็ค ไรอัน “ทอม แคลนซี ลบรอยแค้น”

การปรับเปลี่ยน ก่อนที่จะ ไมเคิล บี จอร์แดน ดาราหนังที่ถูกโหวตว่าชวนมองที่สุดที่ปี 2020

การปรับเปลี่ยน จะกลับไปสืบต่อหนังนักมวย ครีด 3 หรือบางทีก็อาจจะได้กลับไปสวมบทนำใน แบล็ค แพนเธอร์ 2 เขาจะได้มารับบทบาทเป็นเลิศในผู้แสดงดังนิยายของ ทอม แคลนซี เรื่องลบรอยแค้น ธรรมดาแล้วจักรวาลนี้ จะมีตัวละครเอกเป็น แจ็ค ไรอัน ซึ่งมีนักแสดงเล่นบทนี้มาแล้วผู้คนจำนวนมาก

อีกทั้ง แฮร์ริสัน ฟอร์ด , เบน แอฟเฟล็ก , คริส ไพน์ รวมทั้งปัจจุบัน จอห์น คราซินสกี้ ในซีรีส์ แจ็ค ไรอัน ที่กลับมาดังอีกรอบ แต่ว่าคราวนี้ จอร์แดน จะมารับบทเป็นตัวละครอีกตัวที่เป็นตัวรองมาตลอดนั่นเป็น จอห์น เอฟ. เคลลี (ในนิยายชื่อ จอห์น คลาร์ก) จอห์น คลาร์ก นั้นเป็นตัวละครข้างดีแต่เป็นขั้วตรงกันข้ามกับ ไรอันส์ ผู้เป็นนักวิเคราะห์ที่บู๊ไม่เป็นแต่จำต้องไปตกอยู่ในเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเสมอ

แม้กระนั้น คลาร์ก นั้น เป็นข้าราชการข้างดำเนินการของ สำนักข่าวกรองกลาง หรือ ซีไอเอ ผู้ไม่ลังเลที่จะบู๊รวมทั้งฆ่าศัตรู หนังลบรอยแค้น จะเล่าแหล่งกำเนิดว่า เขาได้แปลงเป็นข้าราชการหน่วยภารกิจลับของ สำนักข่าวกรองกลาง หรือ ซีไอเอ ได้อย่างไร ข่าวหนังใหม่

วิลเลม เดโฟ เคยรับบทบาทนี้เอาไว้ใน แผนอันตรายข้ามโลก (1994) และก็ เลียฟ ชไรเบอร์ ก็เคยสวมบทบาทเอาไว้ภายใน วิกฤตนิวเคลียร์ถล่มโลก (2002) หนังยังสมทบ กาย เพียร์ซ จาก ไอรอนแมน (2013) และก็ ภาพหลอนซ่อนรอยมรณะ (2000), เจมี เบลล์ จาก บิลลี่ เอลเลียต (2000) รวมทั้ง แคม จีกอนเดต์ จาก ทไวไลท์ (2008) หนังสำเร็จงานของ สเตฟาโน ซอลลิมา ผู้กำกับจาก ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด 2 (2018)

รวมทั้งได้ผลสำเร็จงานประพันธ์บทของมือเขียนบทแถวหน้า เทย์เลอร์ เชอริแดน จาก ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด (2015) แล้วก็ ล่าเดือด เลือดเย็น (2017) แรกเริ่มหนังมีผู้ผลิตเป็น พาราเมาต์พิกเจอส์ แต่ว่าภายหลังแวดวงฮอลลีวูดจะต้องพบกับสถานที่กาณ์โควิดหนักพาราเมาต์พิกเจอส์ ก็เลยขายสิทธิ์การฉายให้กับ แอมะซอน ไพร์ม เดี๋ยวนี้วางคิวสตรีมไว้ 30 เดือนเมษายน รวมทั้งถ้าเกิดหนังบรรลุผลสำเร็จ บางทีอาจจะได้มองเห็นภาคต่อ เรนโบว์ซิกส์ ราวฉบับนิยาย

การปรับเปลี่ยน

การปรับเปลี่ยน ทอม แคลนซี ลบรอยแค้น (แอมะซอน ไพร์ม ) บู๊ระห่ำถึงใจถึงอารมณ์

การปรับเปลี่ยน ทอม แคลนซี ลบรอยแค้น ผลงานดัดแปลงแก้ไขจากนิยาย ทอมแคลนซีเล่าถึงต้นกำเนิดนักแสดง จอห์น คลาร์ก สายบู๊ที่เป็นผู้จัดตั้งกลุ่ม เรนโบว์ซิกส์ ในอนาคต หนังที่ทำลงโรงจากพาราเมาต์พิกเจอส์ แม้กระนั้นมาติดปัญหาโควิด มิได้ฉาย ท้ายที่สุด แอมะซอน ไพร์ม มาซื้อไป

ซึ่งหัวข้อนี้ทางบริษัทหนังตั้งมั่นเอามานิยายชุดตัวนำ จอห์น คลาร์ก ของทอมแคลนซี มาทำเป็นแฟรนไชส์ต่อกันยาว ๆ โดยเล่มลบรอยแค้น เป็นจุดเริ่มต้นของนักแสดงนี้ ซึ่งฉบับนิยายขายเมื่อปี 1993

ในเวอร์ชั่นนี้ก็เลยมีการเปลี่ยนปรับรูปแบบใหม่ทั้งผอง เรียกว่าเอามาแม้กระนั้นชื่อจริงเอกกับโครงหละหลวม ๆ เพียงแค่นั้น ซึ่งความเคลื่อนไหวคราวนี้กระแสตอบรับผิดจิตใจแฟนคลับนิยาย จนกระทั่งทำให้คะแนนของเรื่องต่ำมากมาย ๆ (อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส เฉลี่ยได้ 5 กว่า เว็บไซต์มะเขือได้ 40% กว่าเพียงแค่นั้น)

แม้กระนั้นคนเขียนมิได้เป็นผู้อ่านนิยายมาก่อน แต่ว่าก็รู้จักทอมแคลนซี ดีจากเวอร์ชั่นอีกทั้งหนังรวมทั้งเกมที่ทำออกมาหลายภาคทั้งสอง ด้วยเหตุนั้นในรีวิวนี้ก็เลยเป็นมุมมองของผู้ชมหนังทั่ว ๆ ไปกับประเด็นนี้โดยตรงไม่มีเรื่องของนิยานมาคละเคล้า

เรื่องราวถูกปรับจากการสู้รบเวียดนามมาเป็นช่วงปัจจุบันที่จอห์นเองยังเป็นหน่วยซีลบุกชิงตัวประกันในตะวันออกกลาง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นว่าภารกิจนั้นศัตรูเป็นทหารรัสเซีย ซึ่งหากแม้หน้าจอห์จะเอาชีวิตรอดได้ สไตล์หนังครอบครัว

แม้กระนั้นก็แปลงเป็นปัญหาคาใจว่าเพราะอะไรภารกิจที่ได้รับถึงเปลี่ยนเป็นรัสเซียไปได้ ในเวลาถัดมากลุ่มที่ทำภารกิจนั้นกลับถูกเก็บในอเมริกาขณะที่อยู่กับครอบครัว จอห์นเองรอดมาได้แบบเฉียดฉิวตาย แม้กระนั้นภรรยาที่ตั้งท้องถูกฆาตกรรม

เขาก็เลยจำต้องสืบให้ได้ว่ากำเนิดอะไรขึ้น ผู้ใดเป็นผู้อยู่เบื้องหลังฆ่าที่จริงจริง ตัวหนังทำออกมาเข้มข้นมากมายจากฉากการสอบปากคำของจอห์น ที่เป็นสไตล์แปลกใหม่ด้วยการเอาตนเองกับเหยื่อที่เขาอยากได้คาดคั้นข้อมูลไปอยู่ในจุดที่ฉุกเฉิน อย่างการราดน้ำมันติดไฟเผารถยนต์เหยื่อ

แม้กระนั้นเขาเองกลับเข้าไปในรถยนต์เพื่อรีดข้อมูลด้วย ซึ่งวิธีบ้าบิ่นของผู้แสดงนำชายในประเด็นนี้เป็นดิบสุด ๆ แบบที่ไม่เคยมีตัวเอกหนังแอ็กชั่นในเรื่องอื่นทำมาก่อนแน่ ๆ และมิได้มีเพียงแค่ฉากนั้นฉากเดียว แม้กระนั้นมีฉากอื่นที่เป็นแถวเดียวกันอีกทีในตอนสุดท้าย

รวมทั้งแนวทางการช่วยเพื่อนพ้องแบบเอาตนเองเป็นเหยื่อล่อผู้เดียวให้โดนรุมทึ้งก็ด้วย โดยมีเหตุมีผลจากการที่ผู้แสดงนำชายหมดความมุ่งมาดในชีวิตแล้วจากที่เสียภรรยากับลูกไป ทำให้พฤติกรรมของผู้แสดงนำชายในเรื่องเป็นแถวฝ่าเพื่อไปตายมองมีเหตุผลในตัว

สไตล์หนังครอบครัว

อีกจุดที่ประเด็นนี้ค่อนข้างจะแปลกในยุคนี้เป็นการที่ผู้แสดงนำชายแม้ว่าจะเก่งมากมาย ๆ แม้กระนั้นก็พบยิงสวนเจ็บตลอดเรื่อง

การปรับเปลี่ยน ไม่มีการไล่ยิงแบบเท่ ๆ เสมือนจอห์นวิค ไม่มีฉากที่ตั้งดวงใจยิงเท่ ๆ อะไรทั้งหมดทั้งปวง การที่ดารานำชายเจ็บอยู่เสมอเวลา ครั้งคราวถึงเจียนตาย ทำให้เรื่องมองเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น ถึงแม้พวกเราจะทราบล่ะว่ายังยังไงดารานำชายก็ไม่ตายแน่นอนฉากแอ็กชั่นใหญ่ในประเด็นนี้มี 3 ฉาก เป็นฉากเปิดเรื่องในตะวันออกกลาง ฉากเรือบินตก ฉากฝ่าในอาคารรัสเซีย นอกเหนือจากนั้นเป็นฉากแอ็กชั่นแบบเล็กน้อยพอเพียงประกอบเรื่องเพียงแค่นั้น

บางครั้งก็อาจจะเนื่องจากว่าด้วยเวลาของหนังสั้นมากมายเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง (ไม่รวมเครดิต) ก็เลยทำให้ใส่ฉากมิได้มาก แต่ว่าก็ทำให้เรื่องอัดฉากแอ็กชั่นเข้ามาสม่ำเสมอได้กำลังพอดี เหมาะสมกับเวลาแล้ว

ผู้แสดงนำในประเด็นนี้ถูกปรับจากคนผิวขาวมาเป็นคนผิวดำ โดยได้ ไมเคิล บี จอร์แดน มาเล่น ซึ่งส่วนตัวก็มิได้มีความรู้สึกว่ามีปัญหาอะไร อีกทั้งจากการแสดงและก็การเปลี่ยนเชื้อชาติผู้แสดง ก็แค่ตัวไมเคิลเองก็มิได้ทำให้เกิดความรู้สึกล่อใจหรือมีเสน่ห์มากมาย

แม้กระนั้นเว้นเสียแต่ผู้แสดงนำชายแล้วหัวหน้าหน่วยซีลของผู้แสดงนำชายก็ถูกปรับเป็นสาวผิวดำเหมือนกัน เล่นโดย โจดี้ เทอร์เนอร์-สมิธ ที่มิได้ดังหรือมีชื่อคนรู้จักกันมากมาย แม้กระนั้นบทนี้เองรู้เรื่องว่ามีความหมายสูงในตัวนิยาย มีความเชื่อมต่อโยงกับ โรเบิร์ต ริตเตอร์ เล่นโดย เจมี เบลล์ หัวหน้า สำนักข่าวกรองกลาง หรือ ซีไอเอ

ในอนาคตสถานที่สำหรับทำงานร่วมกลุ่มกับผู้แสดงนำชายสำหรับเพื่อการตั้งหน่วย เรนโบว์ซิกส์ ที่เป็นกลุ่มต้านการจราจลนานาประเทศ โดยคัดเลือกทหารหลายชาติมารวมตัวกันผ่าน เนโท

ซึ่งในหัวข้อนี้บางทีบทสำหรับพูดจะเป็นแบบทั้งสองรู้จักกันมาก่อนจากวิกฤติต่าง ๆ ซึ่งผู้อ่านนิยายจะเข้าใจมากกว่าขอรับ จุดอ่อนของข้อเท็จจริง ๆ เป็นบทที่ถูกปรับมาเป็นยุคสมัยใหม่แล้ว

แม้กระนั้นก็ยังเป็นแถวเดิม ๆ ไม่แปลกใหม่ ทายใจได้อย่างง่าย ๆ ตัวร้ายก็ยังวนเวียนกับพล็อตเดิม ๆ แนวหลอกใช้ผู้แสดงนำชาย ก่อนที่จะตัวนำจะรู้สึกตัวรอดชีวิตแล้วกลับมาเอาคืน ซึ่งจุดหักมุมในหัวข้อนี้จริง ๆ จัดว่าไม่มีเนื่องจากแทบจะทายใจได้หมดทั้งยังเรื่อง

แต่ว่าหากมองเพลิดเพลิน ๆ ไม่คิดมากมายนี่ก็มิได้คือปัญหาอะไรเช่นเดียวกัน ถึงแม้หนังจะไม่ใช่แอ็กชั่นแบบฟอร์มยักษ์มากมาย แต่ว่าก็มีความเพลิดเพลินสนุก ๆ ให้มองกันตลอดเรื่อง แต่ว่าถ้าหากผู้ที่เป็นแฟนนิยายมาก่อนอาจผิดหวังกับการปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงหลายประเภทในเรื่อง

ซึ่งในที่สุดเพียงพอมิได้ฉายโรงด้วยก็ไม่เคยทราบว่าผลตอบรับในช่วงเวลานี้ จะมีผลให้นักแสดงจอห์น คลาร์ก ได้ทำภาคถัดไปรึเปล่าขอรับ (แต่ว่าเรื่องก็จบแบบไม่มีค้างอะไร) ถึงแม้หนังจะไม่ใช่แอ็กชั่นแบบฟอร์มยักษ์มากมาย แต่ว่าก็มีความสนุกสนานร่าเริงมัน ๆ ให้มองกันตลอดเรื่อง