บทสรุปซามูไรพเนจร

บทสรุปซามูไรพเนจร รูโรนิ เคนชิน เดอะ ไฟนอล เน็ตฟลิกซ์ แอ็กชั่นดีเลิศ ปรับบทใหม่มากมาย

บทสรุปซามูไรพเนจร รูโรนิ เคนชิน เดอะ ไฟนอล เน็ตฟลิกซ์รีวิวซามูไรพเนจร ปัจฉิมบท ซึ่งอีกชื่อที่ชาวต่างชาติรู้จักกันเป็น ซามูไร เอ็กซ์

บทสรุปซามูไรพเนจร หนังภาคนี้เป็นข้อสรุปของหนังทุกภาค ภายหลังสามภาคชุดแรก ซึ่งที่ใช้ชื่อภาคว่า ปัจฉิมบทไฟนอล แชพเตอร์ พาร์ท วัน หรือ เดอะ บีกินนิ่ง เป็นเพราะเหตุว่าหนังจะมีภาคย้อนอดีตยุคที่เคนชินยังเป็นมือพิฆาตบัตโตไซฉายอีกภาค เป็นพาร์ททู ซึ่งที่ตรงนี้ก็รู้สึกประหลาดใจน้อยว่าเพราะเหตุไรทำภาคข้อสรุปก่อน และหลังจากนั้นก็ค่อยทำภาคย้อนอดีตเป็นพาร์ทลำดับที่สอง

แม้กระนั้นบางทีอาจเนื่องจากอยากได้ปฏิบัติตามรายละเอียดในต้นฉบับมังงะให้จบไปก่อนก็เป็นไปได้ นอกจากนั้นแฟรนไชส์รูโรนิเคนชิน ยังเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง จนกระทั่งขั้นเป็นแฟรนไชส์หนังประเทศญี่ปุ่นแบบไลฟ์แอคชั่น เรื่องแรก ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลหนังเซี่ยงไฮ้ที่จีนด้วย หนังมีความยาว 2.17 ชั่วโมง ฉายทั่วทั้งโลกทาง เน็ตฟลิกซ์นำแสดงโดย ซาโต้ ทาเครุ รวมทั้ง เอมิ ทาเคอิ

ซึ่งหนังเข้าฉายหนแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเมษายน โกยรายได้ไปมากถึง 31 ล้านเหรียญ หากเทียบกับต้นฉบับมังงะ จะอยู่ราวเล่มที่ 18-28 จบ รายละเอียดในรูปภาพยนตร์ ไลฟ์แอคชั่นเคนชินซามูไรพเนจรภาคนี้ จะอ้างอิงจากบทท้ายที่สุดของต้นฉบับมังงะเป็นบทของ เอนิชิ ซึ่งเป็นบทที่มีความดราม่าที่สุดแล้วก็เป็นการเฉลยคำตอบเงื่อนทสาเหตุของรอยแผลเป็นรูปกากบาทที่แก้มของเคนชิน แล้วก็ผลสรุปก็เป็นการปลดล็อคข้อผิดพลาดบาปที่ค้างคาใจของนักแสดงด้วย ข่าวหนังใหม่

ในภาคสุดท้ายนี้ ฮิมุระเคนชิน หรือ มือพิฆาตบัตโตไซ ที่เคยเป็นมือสังหารที่ร้ายกาจที่สุดในสมัยปรับปรุง ได้ผันตัวมาเป็นคนพเนจร แล้วก็ใช้ชีวิตปักหลักอยู่ที่สำนักดาบคามิยะ ร่วมกับ คามิยะ คาโอรุ ซึ่งภายหลังศึกในสามภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เมื่อเคนชินจัดแจงกับชิชิโอ มาโคโตะได้แล้ว ประเทศญี่ปุ่นก็ได้กลับสู่ความเงียบสงบอีกที

แม้กระนั้นก็เป็นแบบงั้นได้ไม่นาน เมื่อ เอนิชิ ยูกิชิโระ น้องชายของ โทโมเอะ ยูกิชิโระ อดีตกาลเมียที่เสียชีวิตไปแล้วของเคนชินในยุคที่ยังเป็นบัตโตไซ ได้คิดแผนโทษทัณฑ์มนุษย์ เพื่อเอาคืนเคนชินที่เป็นคนทำให้พี่สาวของเขาตายไป เอนิชิยังมากับหน่วยงานมาเฟียเซี่ยงไฮ้ที่จัดเต็มอีกทั้งกำลังคนแล้วก็อาวุธปืนเพื่อกระหน่ำเมืองรวมทั้งผู้คนที่เคนชินได้ป้องกันไว้

บทสรุปซามูไรพเนจร

บทสรุปซามูไรพเนจร ฉากแอ็กชั่น ในภาคนี้การจับตัวได้ละครเอนิชิที่ใช้วิชาวาโตเข้ามาเป็นตัวร้ายหลักของภาค ก็ทำให้มีการดีไซน์ฉากต่อสู้ได้นานาประการเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งในรูปภาพรวมแล้ว ฉากแอ็กชั่นค่อนข้างจะจัดเต็มเอามาก ๆ ใส่เข้ามาแบบไม่ต้องมีกั๊ก อีกทั้งฉากฟันดาบ ยิงปืนกล ระเบิด รวมทั้งอื่น ๆ ที่สำคัญเป็นดาราหนังหลักของเรื่องเล่นฉากแอ็กชั่นกันเองค่อนข้างจะมากมายด้วย มาดูคลิปเบื้องหน้าเบื้องหลังที่กลุ่มดาราหนังเล่นฉากแอ็กชั่นกันเองเลย ที่น่าทึ่งก็คือการแสดงฉากแอ็กชั่นของ ซาโต้ ทาเครุ ในบทเคนชิน และก็ แมคเคนยู ในบท เอนิชิ รวมทั้งดาราหนังสาวอย่าง ทาโอะ สึจิยะ ในบทมิซาโอะ ผู้แสดง นี่ก็เป็นคุณลักษณะเด่นสำคัญ

โดยยิ่งไปกว่านั้น ซาโต้ ทาเครุ ที่รับบทบาท ฮิมุระเคนชิน ซึ่งน่าจะเป็นภาพจำของนักแสดงนี้ไปอีกนาน แม้ในอนาคตจะมีการนำกลับมารีเมกในอนาคต แต่ว่าทาเครุได้ตั้งมาตรฐานระดับค่อนข้างสูงในบทเคนชินเอาไว้แล้ว อีกทั้งการแสดงท่าทาง ทั้งฉากแอ็กชั่น ที่มีคลิปปลดปล่อยออกมาเป็นระยะว่าเขาเล่นฉากแอ็กชั่นด้วยตัวเองกว่า 70-80% อย่างยิ่งจริง ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกฉากที่จะต้องใช้ความคล่องตัว ความเร็ว ฉากฟันดาบ การวิ่งไต่กำแพงและก็หลังคาบ้าน ที่เจ้าตัวเกือบจะเล่นเองทั้งสิ้น นับได้ว่าเป็นมิติใหม่ของแวดวงภาพยนตร์แอ็กชั่นประเทศญี่ปุ่นได้เลย (ต่างประเทศเย้าแหย่กันในคลิปยูทูปเบื้องหน้าเบื้องหลังการถ่ายทำว่าเคนชินเล่นเป็นซาโต้ ทาเครุ ไม่ใช่เขาเล่นเป็นเคนชิน) กลุ่มดาราหนังผู้อื่นก็เยี่ยมกันหมด

โดยยิ่งไปกว่านั้นสาวน้อย เอมิ ทาเคอิ ที่กลับมาในบท คาโอรุ นางเอกของเรื่อง แล้วก็อีกหนึ่งสาวน้อยที่กำลังดังมากมายอย่าง ทาโอะ สึจิยะ ที่กลับมาในบท มิซาโอะ (ทาโอะเริ่มดังในระดับอินเตอร์จากการเล่นบทนางเอกในเรื่อง อลิซในแดนมรณะ ) รวมทั้ง ยูสุเกะ เองุจิ ในบทของ ไซโต้ ฮาจิเมะ ที่ก็หาคนมาเล่นบทนี้แทนแก้ยากเช่นกัน ชนชั้นสไตล์ยุโรป

แม้กระนั้นที่คงจะเลื่องลือขึ้นมากระทั่งแฟนคลับทั้งโลกรู้จักไปเลยในหนังภาคนี้ก็คือดาราสาว อาริมูระ คาสุมิ ในบท โทโมเอะ ยูกิชิโระ อดีตกาลเมียของเคนชิน ซึ่งแท้จริงเธอเคยส่งผลงานก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามาแล้วหลายเรื่อง แถมยังรับงานบรรยายเสียงในรูปภาพยนตร์อนิเมะดัง ๆ มาแล้วด้วย เหมือนกันกับ แมคเคนยู อาราตะ ที่มาสบทของ เอนิชิ ยูกิชิโระ ตัวร้ายประจำภาคนี้ เขาเป็นผู้แสดงชายหนุ่มประเทศญี่ปุ่นที่ไปกำเนิดแล้วก็เติบโตในสหรัฐฯ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือสรีระรูปร่างที่มองแข็งแรงบึกบึน เต็มไปด้วยกล้ามเหนือที่เหนือกว่าเพศชายประเทศญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปมากมาย

ก็กับบทเอนิชิที่จำเป็นต้องใช้วิชาวาโตะ ที่ต่อสู้ด้วยการแบบประสมประสานกระบี่และก็ท่าเตะได้พอดีดี ด้านรายละเอียด มีการปรับเรื่องราวให้กับการเป็นหนังยาว 2.17 ชั่วโมง ซึ่งก็รู้เรื่องได้ว่าจำเป็นต้องปรับเนื้อหาที่ได้มาจากต้นฉบับมังงะพอควร แม้กระนั้นก็นับว่าทำออกมาได้ดีมากว่าที่คิด แล้วสำหรับ “ผู้ที่ไม่เคยอ่านมังงะหรือทราบเรื่องราวของเคนชินมาก่อน” บ

างครั้งก็อาจจะมึนงงกับเรื่องราวความรักความแค้นและก็เงื่อนของเคนชิน โทโมเอะ รวมทั้งเอนิชิ อยู่บ้าง แม้กระนั้นหนังภาคไฟนอล ก็มีความเพียรพยายามอย่างมากที่จะเอาการราวในหนังภาคแรกสุดที่จะเป็นการย้อนอดีต (ซึ่ง เน็ตฟลิกซ์น่าจะเอาเข้ามาเร็ว ๆ นี้) มาเล่าแทรกให้ผู้ที่มองสามารถรู้เรื่องเงื่อนทั้งสิ้นของเรื่องอย่างง่ายที่สุดแล้ว ซึ่งในต้นฉบับมังงะ ก็เป็นการเล่าย้อนอดีตของเคนชินกับโทโมเอะไปหลายตอนเช่นเดียวกัน

ชนชั้นสไตล์ยุโรป

ส่วนหน้าที่ของผู้แสดง ในหนังก็เลือกเพิ่มหน้าที่ของบางบุคคลขึ้นมา

โดยยิ่งไปกว่านั้น ไซโต้ ฮาจิเมะ แล้วยังมี เซอร์ไพร์ส ของผู้แสดงสำคัญอีกผู้ที่ได้กลับมาร่วมแจมในหนังภาคนี้ นั่นเป็น โซจิโร่ ซึ่งในมังงะบทของเขาจะหมดไปตั้งแต่ศึกกับชิชิโอแล้ว โดยเหตุนั้นภาพรวมสำหรับในการปรับบทรวมทั้งรายละเอียดของเรื่อง จัดว่าทำออกมาได้ดีมากว่าที่คาดหวังครับผม จุดโชคร้ายก็มีอยู่ในด้านการปรับบทใหม่ ดังเช่น ผู้แสดงยาฮิโกะ ที่จำต้องสลับตัวคนเล่น

ด้วยเหตุว่าคนเดิมที่เล่นมาสามภาคโตเป็นวัยรุ่นแล้ว เลยจำต้องแปลงดาราเพื่อยาฮิโกะยังเป็นเด็กอยู่ ซึ่งก็เกือบจะมิได้มีบทอะไรบ้างที่อยู่ในเรื่องมากนัก หากเทียบกับต้นฉบับมังงะที่ยาฮิโกะยอดเยี่ยมในนักแสดงสำคัญที่มีการเติบโตะและก็มีความเจริญแน่ชัดเป็นอย่างมาก แต่ว่าก็เริ่มเข้าใจได้ว่าเนื่องจากว่ากลุ่มสร้างภาพยนตร์ไม่อยากที่จะให้เรื่องราวจุดโฟกัสหลายจุดเกินความจำเป็น เพราะว่าหากไม่อย่างนั้นหนังก็จะมียาฮิโกะเป็นตัวเอกอีกคนไปเลย

ตัวหนังปรารถนาย้ำเรื่องเงื่อนข้างหลังและก็การคลี่คลายความแค้น ความรู้สึกสำนึกไม่ถูกบาปของเคนชิน รวมทั้งสาเหตุของรอยแผลรูปกากบาทที่โคตรดราม่า (ซึ่งหนังทำฉากที่โทโมเอะกระตุ้นให้เกิดแผลอีกอันทับแผลเดิมก้าวหน้าแล้วก็ตรึงตรามากกว่าในต้นฉบับมังงะซะอีก) หนังยังมีการเปลี่ยนบทของผู้แสดงกระทั่งแตกต่างกันออกไปเลย ดังเช่นว่า บทของโจนักล่าดาบ ซึ่งในมังงะเขาจะกลับตัวกลับใจมาดำเนินการเป็นสปายของสันติบาลสุดกำลัง

แม้กระนั้นในหนังกลับให้เขาเป็นสายสองหน้าแทน แล้วบทก็หมดไปแค่นั้น หรือฉากต่อสู้ของผู้แสดงอื่น ๆ ที่ถูกปรับใหม่จนกระทั่งไม่เหมือนกับต้นฉบับ แล้วผู้ชมบางทีก็อาจจะขัดใจอยู่บ้างในด้านความเก่งกาจของนักแสดงต่าง ๆ มาดูกันว่าตัวไหนบ้างที่ถูกดันแล้วตัวไหนที่ถูกเนิร์ฟลง ส่วนฉากต่อสู้ท้ายที่สุดกับเอนิชิ หนังพากเพียรทำออกมาให้วิจิตรตระการตา ใส่ผู้แสดงเข้ามารบกันสกปรก ก่อนจะให้เคนชินเข้าไปดวลคนเดียวกับเอนิชิ

ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับฉากต่อสู้กับชิชิโอในภาคที่แล้ว ฉากต่อสู้ในที่สุดกับเอนิชิก็ทำออกมาค่อนข้างจะดีเลย เพียงแค่ในด้านของความเป็น “บอสใหญ่” นักแสดงเอนิชิมีออร่าของความเป็นบอสน้อยกว่าชิชิโอพอเหมาะพอควร ซึ่งเท่าที่หนังพากเพียรปรับบทแล้วก็ครีเอทฉากต่อสู้ออกมานี้ ก็จัดว่าทำเป็นดีเลิศสมความหวังผู้ชมแน่ ๆ เพียงแค่ในรูปภาพรวมแล้ว

ฉากแอ็กชั่นกับเอนิชิที่เป็นบอสใหญ่ในภาคนี้บางทีอาจเทียบกับหนังภาคสาม คนจริง โคตรซามูไร มิได้นัก ด้านกลุ่มบรรยายไทย ก็มีนักบรรยายจากกลุ่มผู้ช่วยเหลือมาร่วมบรรยายด้วยบางบุคคล แม้กระนั้นเนื่องจากว่างานบรรยายไทยของหนังภาคนี้เป็นงานของแอพ เน็ตฟลิกซ์เลยคงจะทำให้นักบรรยายไม่สามารถที่จะแทรกคำพูดตลกนอกบทเข้ามาได้แบบที่ทำกันมาในสามภาคแรก นี้เป็นอีกทั้งจุดเด่นรวมทั้งจุดด้วยไปในตัว

ในทางหนึ่งเป็นทำให้เรื่องมันแห้งมุกตลกโปกฮา และก็มองเครียดตั้งแต่ต้นจนกระทั่งหมดเรื่อง แต่ว่าข้อดีก็คือ มันทำให้รายละเอียดภาคนี้มีความเอาจริงเอาจังสมกับธีมของภาคนี้เช่นเดียวกัน แล้วก็แทบจะไม่มีการนำกย์นอกบทจนกระทั่งบางบุคคลบางทีอาจจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญด้วย