เอหิปัสสิโก

เอหิปัสสิโก เนื่องจากนี่เป็นหนังสายล่อฟ้าว่าด้วยเรื่องศาสนาพุทธ

เอหิปัสสิโก ส่งทหารตำรวจสามพันกว่านายมาล้อมวัดเพื่อจับตัวเจ้าอาวาส

เอหิปัสสิโก สารคดีเรื่องสำคัญ ของปีนี้กำลังจะเข้า ฉายในโรงภาพยนตร์เอหิปัส สิโกเป็นผลงานของคน ทำหนังสารคดีพลังสูง ณฐพล
บุญประกอบ ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ คือข่าวว่าหนังอาจจะถูกเซ็นเซอร์ เนื่องจากนี่เป็นหนังสายล่อฟ้าว่าด้วยเรื่องศาสนาพุทธ และไม่
ใช่พุทธพื้นถิ่นทั่วไป แต่เป็นเรื่องวัด พระธรรมกายอันโด่งดัง (อื้อฉาว?) แต่สุดท้ายหลัง จากลุ้นกันน่าดู หนังผ่านคมกรรไกรฝ่ายวัฒน
ธรรมมาได้ ไม่ถูกสั่งให้ตัด แถมยังพลิกโผได้เรท หรือทั่วไปที่ใคร ๆ ก็ดูได้

อารมณ์เหวี่ยงไปมา ของกรรมการเซนเซอร์ บางคนนี่เหลือกำลังจะ จินตนาการจริง ๆเข้าใจว่าที่กองเซ็นเซอร์ เกิดตระหนกกับหนังใน
ตอนแรก น่าจะเพราะกลัวว่านี่ คือหนังเชียร์ธรรมกาย (แต่เชียร์อย่างอื่นได้ไม่ต้องกลัว?) อย่างที่ชื่อหนังบอกไว้เอหิปัส สิโกแปลคร่าว
ๆ ว่า “จงเข้ามาด จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เป็นคำที่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลก็มี และก็แปลในบริบท คล้ายกันว่า พวกท่านจงเดินเข้ามา
ดูเองเถิด ว่าอะไรเป็นอะไร อย่าด่วนตัดสินจากภายนอก

เอหิปัสสิโก

หนังจึงเชิญชวน ในเราดูสิ่งที่เกิดขึ้นและ ตัดสินใจเองว่ากรณีวัด พระธรรมกายนี้เราจะคิดหรือเชื่อใคร จะเชื่อแบบเดิม ตามรสนิยมหรือ
อคติ หรือจะลองเปลี่ยน ใจมองว่าทุกอย่าง ไม่ใช่ขาว-ดำชัดเจนเสมอไป ณฐพลทำสิ่งที่ ยากมากได้สำเร็จพอสมควร คือการวางกล้อง
และวางจุดยืนที่ “เป็นกลาง” (ฟังดูแสลง แต่ในกรณีนี้เป็นคำที่จำเป็น) ไม่เชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และให้พื้นที่และ เวลาเพื่อทุกคนจะ
ได้พูดเรื่องจาก มุมมองของตนเอง

แต่ในขณะเดียวกัน หนังก็ไม่ได้จืดชืด ไม่ได้แบนไร้มิติ ไม่ทื่อ พูดอีกอย่างว่า นี่ไม่ใช่แค่ภาพข่าว หรือภาพการสัมภาษณ์ คนเอามาเรียง
กัน แต่ใช้วิธีการของสารคดี ร่วมสมัยที่มีลูกล่อลูกชน มีการวางจังหวะคำพูดและ แอคชั่นให้น่าติดตาม ใช้ความเข้มข้นของคำพูดและ
เนื้อหาเพื่อไต่ระดับ ความดราม่าของเหตุการณ์เอหิปัส สิโกเป็นสารคดีเรื่องวัดพระธรรมกาย โดยอิงสถานการณ์ความวุ่นวายเมื่อปี 2560
เมื่อคสช. (คณะรัฐประหารในตอนนั้น)

ส่งทหารตำรวจสามพัน กว่านายมาล้อมวัดเพื่อ จับตัวเจ้าอาวาส พระธัมมชโย ในคดีพัวพันการ ยักยอกเงินสหกรณ์คลองจั่น

ฝ่ายลูกศิษย์วัดจำนวนเป็นพันก็ไม่ยอม รวมตัวกันปิดวัด สวดมนต์ ตั้งโล่มนุษย์ และขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่บุกเข้ามาในบริเวณ กลายเป็น
วิกฤตการณ์ล้อมวัดใหญ่โต จนภาพที่ออกมาราวกับหนังแอคชั่นผสมเหนือธรรมชาติ ในหม้อต้มที่เดือดปุด ๆ มีทั้งเรื่องศาสนา ความเชื่อ
การเมือง อุดมการณ์ การแย่งอำนาจ ความโลภ อีโก้ การไม่ปล่อยวาง มีทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายพระ ฝ่ายฆราวาส ฝ่ายกองเชียร์ ฝ่ายสื่อมวล
ชนที่ปั่นดราม่า ฯลฯ ทุกอย่างผสมปนเปและทวีความแหลมคม

จนไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ณฐพลถึงตัดสินใจจับกล้องไปถ่าย หนังเรื่องนี้ที่ผู้เขียนคิดว่าน่าสนใจที่สุด ไม่ใช่การเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายรัฐ
กับฝ่ายศิษย์วัด เพราะเราเห็นฉากนั้นมา มากพอสมควรในรายงานข่าว แต่สิ่งที่ทำให้เราเห็นมิติ การต่อสู้ในครั้งนี้ คือการสัมภาษณ์ลูก
ศิษย์วัดพระธรรมกายหลาย ๆ คน โดยเฉพาะสายแข็งทั้งหลาย ที่ทุ่มเทเวลาและทุนทรัพย์ “ทำบุญ” เพื่อสร้างวัด สำหรับผู้ไม่ศรัทธา
นิกายนี้ คนเหล่านี้สุ่มเสี่ยงจะกลายเป็นตัวตลก หรือตัวประหลาดได้ง่าย ๆ

แต่หนังใจกว้างพอที่จะรับ ฟังและไม่ด่วนตัดสิน การกระทำของพวกเขา ยอมฟังเหตุผลโดย ไม่อวยแต่ก็ไม่ปรามาส ปล่อยให้คนดูเลือก
เอาเองว่าสิ่งที่ได้ฟังมีเหตุผลหรือไม่ ในทางตรงข้าม บทสัมภาษณ์กับนิวชาการศาสนา และอดีตศิษย์วัดที่แปรพักตร์มาโจมตีพระธัมมชโย
ก็ดุเดือดและสร้างเหตุผลแย้ง ที่มีน้ำหนักมากเช่นกัน การตัดสลับและแบ่งเวลาให้หลาย ความคิดได้มีพื้นที่พอๆ กันในหนัง โดยยังคง
เส้นเรื่องของความ ขัดแย้งระดับใหญ่เอาไว้ด้วย เป็นงานฝีมือที่ไม่ง่าย

และต้องชมว่าณฐพล ตัดต่อหนังออกมาได้ดีทีเดียวปกติแล้วหนังสารคดี ไทยมักไม่ค่อยหมดจดกับงานถ่ายภาพ แต่ณฐพลใช้ประโยชน์
จากสถาปัตยกรรมอันโอ่อ่า หลุดโลก ของวัดพระธรรมกายได้เต็มที่ ทั้งจานบิน ทั้งโถง และทั้งการรวมตัวของสานุศิษย์ที่อลังการราว
กับกองทัพ การใช้จังหวะภาพที่ไม่เร่งรีบในบางช่วง สร้างสภาวะลื่นไหลที่ค่อย ๆ เร่งเร้าขึ้นเมื่อหนังสลับไปใช้ฟุตเทจข่าว ที่แสดงการ
ปะทะและความรุนแรงเอหิปัส สิโกแสดงให้เห็นว่า งานสารคดีที่ทำอย่างมีคุณภาพ สามารถเติมช่องว่างที่เว้น ไว้โดยรายงานข่าว

เอหิปัสสิโก

หรืองานสื่อสารมวลชนอื่น เพราะรายงานข่าวไม่สามารถ ให้มุมมองครบทุกมุมภายในเวลา 5-10 นาที ไม่สามารถพิถีพิถันกับงานภาพ
หรือตัดต่อ และไม่สามารถเปิดโอกาส ให้ผู้ชมได้ครุ่นคิดไปพร้อมๆ กับภาพและเสียงที่ได้ชม แต่งานสารคดีขนาดยาว เช่นเรื่องนี้ทำได้
ทั้งเวลาการถ่ายทำที่ยาวกว่า (ระยะเวลาที่ณฐพลใช้เกินกว่าหนึ่งปี) การตามหาคนที่มีความ คิดหลากหลายมาสัมภาษณ์ และการวาง
โครงเรื่องที่ละเอียดซับซ้อนเพื่อให้เนื้อหาสอดรับ ขัดแย้ง เอหิปัสสิโก

และปะทะสังสรรค์อย่างมี ความหมายหนังอย่างเอหิปัส สิโกควรถูกฉายโดยไม่ต้องไป พะวงเรื่องการโดนห้ามใด ๆ ในประเทศปกติ
ธรรมดามีหนังแบบนี้มากมาย – หนังที่พูดถึงประเด็น อ่อนไหวร่วมสมัย หนังที่มีคนในหนังพูดวิจารณ์รัฐ วิจารณ์ศาสนา วิจารณ์อำนาจ
แต่เป็นการวิจารณ์อย่างมีสติ ไม่บ้าคลั่ง ไม่ไร้เหตุผล การที่หนังต้องมากังวล (ในตอนแรก) ว่าจะได้ฉายหรือไม่ จะโดนตัดหรือไม่
เป็นเรื่องน่าเศร้า เอหิปัสสิโก

เพราะการดูและการไตร่ตรองด้วยจิต เป็นสิทธิพื้นฐานและเป็น ธรรมะประการหนึ่ง สุดท้ายแล้ว ไม่เพียงแต่ศาสนาเท่า นั้นที่ยังให้เกิด
ปัญญา แต่ภาพยนตร์ก็เป็นแสงสว่าง ที่ยังให้เกิดปัญญาได้เช่นกัน  ก็อดซิลล่า | ข่าวหนังใหม่